Trend ของปลา
Apr 27 2025


การกินปลาเหมือนอยู่คู่วิถีไทย เพราะสมัยก่อนย้อนไปเมื่อ 20 ปี ‘ปลา’ นั้นหาง่าย หมู เป็ด ไก่ จึงเป็นของมีราคา แต่วันนี้แนวโน้มปลาไทยนับวันหายาก ราคาปรับตัวสูงขึ้น เราจึงไม่ได้มีปลาทุกมื้อบนโต๊ะเหมือนเดิม ...ปัจจุบันพฤติกรรมการกินปลาก็เปลี่ยนไป การกินปลาแบบติดกระดูกแล้วมาเลาะก้างเอง ก็มีทิศทางที่ลดลง ปลาที่เลาะกระดูกแล้ว ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยปลาที่เลาะกระดูกจะเป็นปลาขนาดใหญ่ที่มีขนาด 3 กิโลขึ้นไป เนื้อจะมีไขมัน มีความหนาและนุ่ม รสชาติดีกว่าในปลาชนิดเดียวกัน ...’ปลาไทยมีเกล็ด’ เช่น กะพงขาว เก๋า กะพงแดง ช่อนทะเล และ ‘ปลาไทยไม่มีเกล็ด’ เช่น ปลาอินทรี ปลากดคัง คนไทยนิยมทานเพิ่มมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว แต่ตัวเลขไม่ทราบแน่ชัดว่าเท่าไหร่ เอาแค่บริษัทเล็กๆ อย่าง sirikhun ที่นำมาแล่และขายเอง ปีหนึ่งรวมกันประมาณ 300 ตัน หรือ 300,000 กิโล เลยทีเดียว สำหรับกลุ่มปลาชนิดนี้ และปลาที่ขายแบบทำเมนูยกตัว ในขนาดไม่เกิน 1 กิโล มีอัตราลดลงถึง 25 เปอร์เซนต์ หรือประมาณ 200,000 กิโล ...ซึ่งตลาดรวมทั้งประเทศจะมีขนาดที่ใหญ่มาก แต่เมื่อเทียบกับปริมาณคนทานในประเทศแล้ว ทรัพยากรในอ่าวไทยและอันดามัน มีปริมาณไม่เพียงพอกับคนในประเทศมาตลอดเวลา 20 ปีมานี้ ...เราเลยต้องพึ่งพาการนำเข้าถึง 85 เปอร์เชนต์ นำมาแปรรูปเพื่อส่งออกขายให้ต่างประเทศบ้าง ทานเองในประเทศบ้างเพราะต้นทุนปลานำเข้าจากประเทศที่ไม่นิยมทานอาหารทะเล เช่น ปากีสถาน อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย โซมาเลีย มีต้นทุนถูกกว่าไทย จึงมีนำเข้ามาจากประเทศเหล่านี้ แต่สินค้าประเภทนี้จะเหมาะกับโรงงานมากกว่า ปัจจุบัน ถูกจำกัดการนำเข้า และการจับปลาในน่านน้ำต่างประเทศ แต่คนกินยังมีปริมาณเท่าเดิม การผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศจึงมีราคาสูงขึ้นจากวัตถุดิบต่างประเทศที่ไม่พอป้อนอุตสาหกรรม ภาคการส่งออกก็ไม่สามารถแข่งขันได้เมื่อต้นทุนแรงงานสูงขึ้น และปลานำเข้าไม่มีเข้ามา ...การตลาดจึงต้องมุ่งเน้น การแปรรูปและคนทานมาช่วยปรับเปลี่ยนวิถีการกินปลา หันมากินปลาน้ำจืดที่เพาะเลี้ยงได้เองในประเทศไทยมากขึ้น เช่น ปลากะพง ปลานิล ปลาทับทิม ปลาสวาย ปลากดคัง ปลาดุก การทานสินค้าที่มี Omega สูง ไขมันที่เหมาะกับคนไทยและราคาไม่แพง สามารถช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและช่วยเกษตรกรไทยได้อีกทางหนึ่ง
======================= i'm spirit of the sea ซีฟูดส์มาตรฐาน จิตวิญญาณแห่งท้องทะเล