พริกบ้านเหนือ เกลือบ้านใต้
Apr 25 2025


จากฟืนไฟใต้เตาพวยพุ่งลอยคละคลุ้ง สายน้ำแห่งคนไกลรวยริน กลายเป็นวิถีสามัญ เป็นสิ่งคู่บ้านเราแต่นานมา บ้านเราอยู่ป่า เช้าเก็บหา เย็นกลับมา ก็หุงหาอาหารเพื่อประทังความหิว ชีวิตไม่ต้องการอะไรแค่ผ่านไปวันต่อวัน เป็นอย่างนี้ไม่ล้าหลังแค่ไม่เปลี่ยนแปลง
บ้านเราติดทะเล "แม่กลอง" เป็นคนปลายน้ำ ทรัพย์ในดินสินในน้ำ ล้วนมีมากมาย กุ้ง เกลือ กะปิ น้ำปลา ล้วนอุดมสมบุรณ์ ชีวิตริมสายน้ำแบ่งปันกันและกัน อยากกิน อยากทำอะไร ล้วนง่ายสะดวกสบาย เงินทองแทบไม่ต้องใช้อยากเอาอะไรก็เอาไปแลกกัน สังคมจึงมีแต่เอื้อเฟื้อ เอ็งข้า น้าลุง ล้วนเข้าใจ ทำอะไรๆเราก็ต้องแบ่งปัน
"คนตังเกแรมรอนนอนบนลำเรือ น้ำเค็มเหมือนเกลือ อาบเหงื่อแทนน้ำประปา จากบ้านมาไกล รอบกายคือน้ำกับฟ้า มีแคนที่พ่อให้มาเป็นเพื่อนชีวายามเหงา อวนยาวคาวปลา พบพาทุกวัน คลื่นลมโหมนาน หวาดหวั่นใจนั้นเหน็บหนาว ต้องยอมจำนนเพราะจนถึงทนปวดร้าว ฝันเห็นบ้านเรือนเคยเนาว์ คิดถึงบ้านเฮาเคยนอน" เป็นบทเพลงอีสานบ่งบอกถึงคนตังเกไม่จำเป็นต้องเป็นคนท้องถิ่น แต่มาหากินเพราะสายน้ำยังสมบูรณ์
คนปลายน้ำอย่างแม่กลอง สมุทรสงคราม น้ำขึ้นลง 2 ครั้งต่อวัน น้ำทะเลขึ้นดันน้ำจืดตอนบนผสมกันกลายเป็นน้ำกร่อย กร่อยมากกร่อยน้อยให้ดูที่ช่วงเวลากับระยะทาง ผสมผสานระหว่างกันที่ปากอ่าวเมืองแม่กลองนี้ หน้าน้ำหลากเมืองแม่กลองปลูกผลไม้ช่วงตอนบน มดแมลงมีมาก อาศัยน้ำหลากพัดรังให้พัง ปลวกมอดหนีขึ้นบนต้นไม้ พอน้ำลงพวก มดแมลงก็ลงต้นไม้กัดกินปลาที่ตกค้างตามคันนา ตามสุภาษิต "น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา"
เมืองแม่กลองยังมีแพรก ลำราง ลำประโดงมากมาย ซับน้ำไม่ให้ท่วมขังและไว้รองรับไม่ให้น้ำไปไกลถึงกรุงเทพเมืองหลวง เป็นภูมิปัญญาของความห่วงใย เสียสละ กลัวถึงเศรษฐกิจโดยรวมว่าบ้านเราน้ำขึ้นเร็วลงเร็ว หากเข้าไปในเมืองจะขึ้นลงช้ากว่า จะกระทบเศรษฐกิจจะพาให้ชาติล่มจม จึงยอมให้ตัวเองท่วมมาช้านานแบบไม่เคยเดือดร้อน และลักษณะคูคลองที่ลัดเลาะคดเคี้ยวแบบไม่ตั้งใจจึงมีลักษณะที่คล้าย เมืองเวนิสตะวันออก ...ด้วยภูมิศาสตร์แบบนี้ กุ้งหอยปูปลา มีมาก รสชาติอร่อยเพราะได้น้ำดีดินดี คนไม่แก่งแย่งทำกิน เอาเปรียบกันและกัน คุณค่าจิตใจมีมากกว่าเงินทอง ที่นี่จึงมีคุณภาพชีวิตที่ดี (ที่มา อ.สุรจิต ชิรเวทย์)
ก่อนถึงปากอ่าวอยากกล่าวถึงต้นน้ำแม่กลองว่าต้นกำเนิดอยู่ที่ อุ้มผาง จ.ตาก ดินแดนห่างไกลทิศตะวันตกติดชายแดนประเทศพม่า มีชาวกระเหรียงอาศัยอยู่จำนวนมาก ที่มาของคำว่าอุ้มผางคือสมัยก่อนการติดต่อสื่อสารเป็นไปยากลำบาก เวลาจะส่งข่าวถึงกันต้องใช้ไม้กระบอกใส่ข่าวส่งไปมา กระบอกไม้ไผ่นั้น เรียกว่า "อุ้มผะ" เพี้ยนเป็นอุ้มผางตามสำเนียงไทย เป็นเมืองปิดจากชาวโลกด้วยเส้นทางบดบังจากทิวเขา จนปัจจุบันได้เกิดเส้นทางลัดเลาะตามสันเขาให้อุ้มผาง อวดสายตาชาวโลก "เป็นดินแดนดอยลอยฟ้า" เมื่อไม่นานมานี้
คนกระเหรี่ยงแดนไกล ไม่ปรากฎชาติไม่ระบุศาสนา เป็นผู้พิทักษ์สายน้ำ เป็นทหารแห่งป่า ภูมิใจในชื่อ "คนต้นน้ำ" ที่เชื่อมต่อถากถางเป็นเรื่องเล่า จากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ อยู่กันมาช้านาน จนสามารถสร้างเป็นตำนาน มนต์รักแม่กลอง
พี่เป็ด ชาวกระเหรียง
ความเจริญสมัยเข้าไปรุกราน เบียดบังชีวิตที่สวยงาม ชาวกระเหรี่ยงเจ้าของพื้นที่เดิม คนป่าวิถีป่าเต็มใจถอยร่นไม่ชอบความวุ่นวาย ยอมกลายเป็นคนหลัง เขา จนคนปลายน้ำอย่างเราแทบมองไม่เห็น แม้แต่เงา พี่เป็ดพาเราเยี่ยมชมต้นน้ำแม่กลอง "ดอกกระมัง รองเท้านารี" มีให้เราเห็นดาษดื่น จากซากนักท่องเที่ยว เขาเล่าให้เราฟังว่า "สมัยก่อนจะใช้เส้นทางน้ำนี้ล่องแพไม้ไผ่ ลงไปที่ปลายน้ำแบกพริกแบกกระเทียมล่องน้ำไป เปลี่ยนเอาเกลือที่คนปลายน้ำโน่น บ้านพี่มีพริก บ้านน้องมีเกลือ เราแลกกัน ตั้งแต่สร้างเขื่อนเราจึงไม่ได้ล่องตั้งแต่นั้นมา คนที่นี่เป็นโรคคอหอยพอก เพราะขาดเกลือ และไม่มีเกลือใช้ถนอมอาหารในหน้าแล้ง แต่ปลายน้ำก็ไม่มีน้ำเหนือก้อนใหญ่เข้าไปพาซัดตะกอนดินให้ฟุ้งกระจาย ทำให้น้ำเสียมากขึ้น มันเป็นอย่างนั้น"
เส้นทางระหว่างไปน้ำตกทีลอซู
พักกินข้าวแปปนึง...เหนื่อย
น้ำตกทีลอซู
เป็นบ้านพี่เมืองน้อง ติดต่อกันตลอดจากการเดินส่งข่าวไปยังปลายน้ำผ่านหุบเขาเป็นแรมเดือนเพื่อ มาแลกเปลี่ยนของกินใช้ที่ปลายน้ำ เกลือเป็นของมีค่า ถึงลงทุนยอมแบกเกลือข้ามไปต้นน้ำ ผู้เฒ่าในหมู่บ้านเล่ากันมานานถือเป็นประเพณี เขาบอกว่าเขายังโชคดีสมัยนี้คนไทยมีน้ำใจ ช่วยรักษาพยาบาลฟรีๆ โรคภัยมันทันสมัย ยาโบราณเดี๋ยวนี้ก็ใช้ไม่ค่อยได้ เกิดมาใช้ชีวิตแต่ในป่า ถอยร่นเข้าไปเรื่อยๆ วิ่งหนีความเจริญ ทุกรอยต่อของชาติไทยกับพม่า ยังมีกระเหรี่ยงคอยดูแลเป็นรัฐกันชน ไม่ได้สร้างชาติแต่ได้สร้างชีวิต คอยปกป้อง ชีวิตสร้างชีวิต เติมต่อหลายชั่วคนด้วยการแบ่งปัน แต่คนเมืองใจดีใส่สูทผูกไท้ เปรียบเหมือนต้นไทรใหญ่ มีเมตตาที่ให้นกกาอาศัยเกาะกิน แต่ต้นไทรจะคอยรัดต้นไม้ต้นเล็กต้นอื่นกลืนกินเป็นต้นเดียวกัน คนบ้านเราเรียกมันว่า " นักบุญแห่งป่า นักฆ่าเลือดเย็น" .....เป็นคำบอกเล่าของผู้นำหมู่บ้าน
ผู้นำหมู่บ้านกระเหรี่ยง ขณะวางอาวุธหลังจากต่อสู้ต่อเนื่องมา 50 ปี
"สายน้ำแม้อ่อนโยน พริ้วไหว แต่ความเข้มแข็งใดๆในโลกล้วนไม่สามารถทำลายน้ำได้" เป็นคำสอนของเหลาจื่อ ที่สามารถสอนคนในยุคการเมืองไร้ซึ่งความยุติธรรม การเมืองพุดถึงเรื่องชาติ เอาชาติเกี่ยวโยงเรื่องผลประโยชน์ ไม่มีประชาชน คือไม่มีชาติ แต่ประชาชนกำลังทะเลาะกันเรื่องความรักชาติ มันเหมือนสายน้ำปั่นป่วน ลัดเลาะเรื่องราวอันแสนเจ็บปวด แต่มันก็คงอยู่กับเราไม่นาน มันก็คงจะกลับไปสงบดังเดิมบนเส้นทางอันยาวไกล น้ำสีไหนรวมกันก็เป็นสายน้ำ จะน้ำดีน้ำเสียรวมกันก็คือสายน้ำ อย่างไรเสีย!!! ความปรองดองในน้ำมิตร ความพึ่งพาของกันและกัน จะหล่อหลอมรวมลงสู่ทะเล ให้ทะเลช่วยฟอกบำบัด กลายเป็นผืนน้ำใหญ่ ไม่เว้นทุกสีน้ำ....เป็นสัจธรรม