เรื่องของปู
Apr 27 2025


‘ปูม้าตัวผู้’ สีฟ้าลายดอก เพ่งดูดีๆ เหมือนดอกไม้ประปรายเต็มหลัง ฝรั่งจึงเรียกว่า ‘Flower Crab’ หรือ ‘Blue Crab’ ตรงตัว
‘ปูม้าตัวเมีย’ จะมีสีน้ำตาลหม่น บางคนเรียก ‘Gray Crab’ ตรงตามสีเรียกง่ายเข้าใจง่าย ส่วนปูม้าอีกตัวเรียก ‘ปูลายแดง’ หรือ ‘ปูกางเขน’ ตรงติดกับหลัง รวมๆ ในไทยยังแยกออกไปอีก แต่ไม่มีจำนวนจึงไม่นับรวมว่าเป็นปูเศรษฐกิจ เช่น ปูม้าสามจุด ปูม้าลายดาว เป็นต้น
ปูม้าอยู่น้ำไม่ลึก แต่ต้องเป็นน้ำเค็มถึงจะอยู่ได้ การจับมีสองวิธีคือ อวนลอย อวนลอบ ที่ได้ปูเนื้อดี ส่วนอวนลาก เราถือว่าเป็นปูคุณภาพรองลงมา
ปูกินยากมือไม้เลอะเทอะ เป็นปัญหาใหญ่ หรือ Pain Point ในธุรกิจ คนหัวใสจึงนำมาต้มแกะเอาเนื้อเปล่าๆ เพื่อทานง่ายๆ และทำเก็บได้จำนวนเป็นอุตสาหกรรมชั้นดี
ปูดีๆ เท่านั้นจึงนำมาต้มได้แล้วเนื้อออกมาดี คราวนี้เราจึงพามารู้จักเนื้อปูดีๆ กัน
ปูตายแล้วนำมาต้มเนื้อดีไม่เท่ากับปูยังเป็นๆ ต้มไม่ได้ สังเกตที่เนื้อเป็นลิ่มหรือแหยะเป็นแป้งดูเอา ว่า ยิ่งเละเป็นเนื้อเดียวกันไม่แห้งดูแฉะๆ แบบนี้ไม่ดี การดูเนื้อจึงเป็นตัวแยกเกรดเนื้อปูอันดับแรก
คราวนี้ จึงมาแยกสีที่ข้อขาเราเรียกว่า ‘ข้อตุ้ม’ หากข้อตุ้มสีขาวจะเป็นตัวผู้ ส่วนข้อตุ้มสีแดงจะเป็นตัวเมีย และข้อตุ้มสีส้ม จะเป็นปูลายแดง ซึ่งราคาจะลดหลั่นกันตามสีสันของตุ้มว่าสีอะไร
เมื่อแยกความเละและสีสันแล้ว จะต้องดูไปถึงขนาดก้อน ตั้งแต่ ก้อนจัมโบ้, ก้อนโต, เนื้อกรรเชียง, เนื้อใบพาย, ก้อนก้อย, ตุ้มจิ๋ว, เนื้อฉีก, เนื้ออก, เนื้ออกหวี, เนื้อแหลก, เนื้อก้าม และ เนื้อก้อย ขนาดจะเป็นตัวแยกราคา
สุดท้ายปูจะต้องมีกลิ่นหอม ไม่ฉุนแอมโมเนีย เพราะกลิ่นแอมโมเนียเกิดจากการสันดาปโปรตีน กลิ่นนี้ เรียก ‘เมทิลเอมีน’ ลักษณะฉุน เป็นตัวบอกถึงความไม่สดของเนื้อปู
ส่วนรสชาติที่หวานอันนี้ตอบยากต้องชิมจนชำนาญ แต่ปูม้าที่อยู่ดอนเลนปากแม่น้ำ จะออกรสหวานกว่าปูน้ำทะเลใสดอนทรายที่มีขนาดใหญ่ แต่ไม่หวานลิ้นเท่าปูปากแม่น้ำ บางทีเรียก ‘ปูวัง’
วิธีการตรวจดูน่าจะมีแค่นี้ ดูลิ่ม สีสัน ขนาดโต กลิ่นหอม รสหวาน อ่านดูคงไม่ยาก ต้องหัดดูกันเอง…