กินปูแปะทีไร น้ำตาไหลทุกที
Apr 22 2025


ป่าป๊า นั่นตัวอะไรเยอะแยะไปหมด เมื่อวานหนูยังไม่เห็นมีเลย...... เป็นคำถามของเจ้าอ๋อง ลูกชายวัย 5 ขวบ ขณะกลับจากโรงเรียน
ผมเลยคิดย้อนไปเมื่อวัยเด็ก ซึ่งผมก็ถามคำถามนี้กับพ่อผมเหมือนกัน มันคือ "แมงปอ" ซึ่งเป็นคำตอบของพ่อผม
แมงปอ เป็นสัตว์ที่สามารถเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลใหม่เริ่มจะเข้ามาแล้ว อากาศจะเย็นลง เมื่อลมเปลี่ยนทิศ แล้วผมก็บอกลูกชาย เหมือนที่พ่อบอกผม
ตอนตี 4ของทุกวัน ผมจะตื่นมาออกกำลังกายอย่างช้าๆ ด้วยท่าทางแปลกตา ถ้าใครเห็น ต้องมองอย่างอย่างสงสัยว่า ผมกำลังทำอะไรอยู่ ชีวิตที่ทุกวันอยู่กับความเร่งรีบ ถูกสังคมสอนให้รู้จักเงินตรา กับเวลาที่มีค่า ถูกสอนให้ห่วงคนนั้น ดูแลคนนี้ คิดโน่นคิดนี่ บางทียังไปคิดแทนคนอื่นอีก (แหมมันชั่งวุ่นวายดีจัง) คงมีเพียงเวลาช่วงเช้ามืดของการแบ่งเวลาของผมเพียงเสี้ยววันแหละมั้งที่ผม คิดว่า เป็นเวลาของการผ่อนคลายจริงๆ นอกเหนือจากการนอนหลับตาโดยที่ไม่ฝันอะไรเลย ผมจึงเลือกการออกกำลังกายแบบนี้ เช้านี้ยังเป็นปกติเพราะผมต้องการความเป็นปกติ เพื่อสร้างจิตให้แข็งแรง จะได้ไปรับรู้กับสิ่งที่จะมากระทบเพื่อให้เรายิ้มได้....... อย่างเหงาๆ ..... ความหนาวเย็นมาเยือนแล้ว จากการรับรู้อย่างละเอียดอ่อนของการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ลมเปลี่ยนทิศ ฤดูอดอยาก มาเยือนคนทะเลอย่างเราเข้าแล้ว... อย่างจัง คนทะเลรับรู้ได้ถึง วิถีความยาก กับการทำมาหากินในฤดูนี้ ความยากกับการชนะถึงความเกียจคร้านที่จะต้องตื่นแล้วลงทะเลหาปลากับน้ำเย็นยะเยือก ปลาที่หายากเหลือเกินจนแทบไม่มี ความหนาวนำพาคิด ให้เราถึง กับคนที่ไกลบ้าน อุ่นอบไอรักจากเมียที่ไม่มีแม้กระทั่งชุดนอน คงมีแต่ผ้าถุงเก่าๆ แต่ถูกรอยเย็บชุน อย่างปราณีีต พร้อมกับเนื้อผ้า ที่แสนนุ่มลื่นสบาย มันเป็นสิ่งล้ำค่ามากกับ การกลับเข้าหาฝั่งของพวกเราเป็นแน่ เป็นความรู้สึกที่พัดเข้ามาในใจของพวกเราทุกคน น้ำเหนือไหลมา เกิดการประทะระหว่างน้ำจืดกับน้ำเค็ม บริเวณปากอ่าวไทย สัตว์ทะเลที่เคยมีอยู่ก็หนีหายไปหมด แต่ก็ไม่เป็นการยากนักกับการปรับตัว เพราะมันเป็นอย่างนี้.... อย่างนี้ เสมอมา
เมื่อตอนยังเด็กน้องชายผม ชอบรบเร้าให้ผมนำพวกเขาเข้าป่า บ้านเราติดทะเล ทำโป๊ะหาปลา และการดำเนินชีวิตของเด็กทะเล คงไม่เกินกว่าการหาของเล่นในป่าและสายน้ำ พวกเราจึงเข้าป่า หาของเล่นที่ลอยติดมากับสายน้ำ พัดมาติดอยู่กับตลิ่งชายป่า ไปหาเม็ดกะร้อย เม็ดกาเหว่า ข้างบ้านเสมอๆ เด็กๆแถวบ้าน จะให้ผมเป็นพี่ใหญ่ เป็นตั่วเฮีย ทุกๆครั้งไป
ครั้งหนึ่งพวกเราดูหนังเรื่องเด็กติดเกาะ พวกเราดูแล้วสนุกมาก
เลยคิดที่จะเลียนแบบหนังบ้าง พวกเราจึงเข้าป่า หาไม้มาทำแพ เพื่อที่จะไปเกาะ แต่ก็ยังงง ว่าจะไปทำไม แต่แล้วด้วยความพยายามอันสุดแรงกล้า ก็ทำแพได้สำเร็จทุกครั้งซิน่า (เก่งจริงๆเพราะทำมาแล้วหลายครั้ง ) พอน้ำขึ้นต้องทดลองนำ แพ ลงน้ำ เพื่อจะไปเกาะ สิ่งที่ได้รับกับผลงานอันบรรจงสร้างคือความล้มเหลว...แพแตก....เป็นแพที่พวกเราสร้างมาด้วยความทุ่มเท ต้องเป็นแพแตก คำว่า "เหมือนแพแตก" พวกเราจึงเข้าใจมาตั้งแต่ยังเด็ก
ส่วนน้องสาวผมสองคน คนหนึ่งฟันเหยินกับอีกคนหนึ่งหัวฟู ก็จะชอบรบเร้าให้ผมพาไปตกปู (ปูเค็ม)ด้วยหนังยางสติ๊ก ติดกับทางมะพร้าว แล้วเอากระป๋องนมตัดปากทำเป็นที่ใส่ปูเมื่อจับมาได้ ก็จะมาขังไว้(ทำไมไม่รู้) กับการเล่นขายของซึ่งเป็นอย่างนี้ทุกวัน แต่การเล่นขายของพวกเราเด็กๆก็จะทำกับข้าวกันแล้วทำทีเป็นซื้อขายกัน เล่นเป็นพ่อ เป็นแม่ (ช่างบ้านนอกจริงๆ) วัสดุในการทำกับข้าวคงไม่หนีไปจากของใกล้ๆตัวเรา ต้นไม้น้ำ ที่ล่องลอยมา
ฤดูน้ำหลากมาแล้ว.....น้ำทางเหนือเริ่มไหลผ่านหน้าบ้านเรา "สวะ" กองโตๆ
ภาพจาก Permalink : http://www.oknation.net/blog/swongviggit
กับดอกสีม่วงสวยๆ จะพัดผ่านอย่างลานตา พวกสาวๆจะคอยเก็บใบสวะ มาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆฝอยๆทำเป็น เมนูคะน้าผัด ก๋วยเตี๋ยว ส่วนก้านดอก พวกเราเรียก "ขิง" จะมาหั่นเป็น แว่นๆ ขายเป็นกุนเชียงทอด สารพัดเมนู
ภาพจาก Permalink : http://www.oknation.net/blog/swongviggit
พวกเรา เอาซองบุหรี่ กรองทิพย์ สายฝน พระจันทร์ กรุงทอง มาพับอย่างสวยงามทดแทนเป็นเงินตามค่าที่เรากำหนด (เดี๋ยวจะเอาภาพมาให้ดู ผมเก็บไว้แต่หาไม่เจอ)
พอน้ำขึ้น น้องชายก็จะมาเรียกว่า พี่.... ไปเล่นน้ำจับปูกันเถอะ
ได้เวลาอีกแล้ว ผมก็คงต้องเปลี่ยนการละเล่นตัวเองไปกับ ธรรมชาติตามกระแสน้ำขึ้นและยังต้องคอยดูแลเด็กๆที่จะตกน้ำอีกต่างหาก
พอน้ำขึ้นได้ที่ "สวะ" ที่เป็นคำเปรียบเปรย ดูถูกว่าคนชั้นต่ำ คนที่มีการศึกษาน้อย ไร้สกุล ว่าเป็นพวก"สวะ" แต่เด็กอย่างเราคิดว่า "สวะ" เป็นของเล่นอันล้ำค่ามาก พวกเราเล่นแต่ละอย่างนั้นช่างสร้างสรรค์โดยแท้ แต่มานึกถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่า มันสนุกตรงไหน (แต่ก่อนมันสนุกจริงๆและสนุกมาก)
เมื่อน้ำขึ้นเต็มที่สวะมาแล้ว พวกเราก็จะเอากะละมัง 1 ใบ กับเศษไม้ใส่ แล้วว่ายน้ำลอยไปใกล้ๆกับ"สวะ" พอใกล้ๆพวกเราก็จะตื่นเต้นมากเพราะพวกเราทุกคนกำลังจะจับ "ปูแปะ" ปูแปะเป็นปูสีดำตัวเล็กๆ หรือบางทีเขาเรียก "ปูแป้น" ซึ่งมันมีมากเหลือเกินตอนที่เราเป็นเด็กๆ ทุกคนจะค่อยๆว่ายไปใกล้ปูแล้วค่อยๆจับปูใส่กะมังทีละตัว ทีละตัว ทีละตัว จนเต็มด้วยเวลาอันสั้น
เรื่องนี้เหตุเกิดจากภาพนี้แท็ๆ ที่ผมไปเดินตลาด
ขุนระริน เรืองเมรัย
หาความสุขใส่หัว ใส่ตัว ใส่ใจ
Permalink : http://www.oknation.net/blog/khunrin
แต่ผมเห็นว่ายังไม่สนุกเท่าไหร่ กะละมัง ก็เต็มแล้ว จึงเรียกเด็กๆทุกคนมาประชุม ว่าคงจะต้องปล่อยตัวผู้ไปให้หมด เหลือแต่ตัวเมีย แล้วเริ่มจับใหม่ น้องๆก็จะถามว่า ใช้สวิงตักทีเดียวก็เต็มแล้ว แต่ทำไมต้องมาจับทีละตัวด้วย (งั้นผมก็ต้องเฉลย) แล้วเขกหัวมันไปอย่างแรงหนึ่งที ถ้าเอ็งทำยังงั้นแล้วจะหาเรื่องอะไรบอกพ่อหละ ว่าไม่ขึ้นจากน้ำเพราะอะไร ไอ้โ..........ง่ ทีนี้ การตกลงของพวกเราก็สำเร็จ มติเป็นเอกฉันท์ ตัวเมียตัวใหญ่ๆเท่านั้น ที่เราทุกคนจะนำมันมาใส่ไว่ในกะละมังของเรา
ขุนระริน เรืองเมรัย
หาความสุขใส่หัว ใส่ตัว ใส่ใจ
Permalink : http://www.oknation.net/blog/khunrin
พอน้ำใกล้ลง กินเวลาหลายโข ซึ่งคงได้ที่แล้ว ทุกคนก็จะนำปูมาแบ่งกันแล้วแยกย้ายไปให้ พ่อแม่ แต่ละคน ได้ทำกับข้าวกิน เรื่องเงินทองสมัยก่อนนี้ไม่มีใครคิดว่ามันจะสำคัญอะไรมากมาย แค่ตื่นเช้ามา คิดว่าพวกเราจะเล่นอะไรกัน หาอะไรกับทะเลเพื่อเป็นของกิน ของเล่น แม้กระทั่ง ของใช้ วันเวลาผันผ่าน ชีวิตที่ต้องแข่งขันเข้ามาแทนที่ พวกเราทุกคนคงกลับไปเป็นอย่างเดิมไม่ได้ และคงไม่มีวันเป็นอย่างนั้นได้อีกแล้ว
สุดท้ายขอขอบคุณ "เจ้าปูแปะ" มากๆที่ทำให้ผมเห็นคุณทุกครั้ง ผมก็เห็นแต่ความทรงจำก่อนเก่า
ในวัยเยาว์ผม และมันคงยากที่จะลบไปจากใจได้...นิรันดร์