ปูเป็นปู ต้องเป็นปูเป็นๆ
Apr 22 2025


จากเด็กพิจิตร ตัวเล็กๆ นิสัยแก่นแก้ว คล้ายๆผู้ชาย เติบโตกับริมแม่น้ำ วันๆก็จะซนเล่น ตามประสาเด็กบ้านนอก มีดินเล่นดิน มีทรายเล่นทราย แกชอบเป็นผู้นำเด็ก ๆ เล่นอะไรกับมิอะไรเสมอ ต้นมะขามริมน้ำสูงๆก็จะปีนกระโดดกระโจนลงมาในน้ำ พาเด็กๆกระโจนตามเป็นขโยง พอเห็นเรือบรรทุกทรายแล่นมา ก็จะว่ายน้ำเกาะเรือทราย ไหลไปตามน้ำเป็นขบวนยาวววว..... เมื่อคิดถึงวัยเด็กทีไร .....เจ้แหม่มต้องเล่าเรื่องนี้ทุกที
เจ้แหม่ม มหาชัยเมืองใหม่
พอโตหน่อยก็เข้ามาเรียนที่กรุงเทพ พาตัวเองสู่วงจรชีวิตของสังคมเมือง เจ้แหม่มเรียนจบ จนมีงานทำ ตามสาขาวิชาชีพที่ได้เล่าเรียนมา โดยไม่รู้ว่าชอบหรือไม่ เจ้แหม่ม พอมีประสบการณ์กับความรู้ในด้านวิชาชีพเป็นอย่งดี หวังจะดำเนินอาชีพตามสาขาที่เล่าเรียนไปตลอด แต่ด้วยเหตุใดสุดอธิบายได้ ชะตาเหมือนถูกกำหนด ด้วยเพราะความใจถึง รักพวกพ้อง เจ้แหมม่มจึงต้องสูญเสียเงินที่ให้พ่อค้าขายปลายืมไป นับหลายแสนบาท เขาไม่มีเงินมาคืนเงิน แต่เขาแลกกับกิจการที่มีอยู่ เจ้แหม่มแกจึงต้องจำใจ จึงต้องเอาอาชีพ ที่ไม่ได้ถูกเลือก เจ้แหม่มเลยหันหลังให้กับวงจรชีวิตของชาวเมืองหลวง มุ่งหน้าเป็นแม่ค้าเต็มตัว......ที่มหาชัย เมืองน้ำเค็ม หวังเอาทุนคืน
เจ้แหม่ม มาเป็นแม่ค้าขายปลา ด้วยประสบการณ์จากเมืองพิจิตร ลุ่มน้ำปิง เจ้แหม่มจึงต้องล้มไม่เป็นท่า เพราะ ยิ่งลงทุนยิ่งสูญเสีย จนเกือบหมดตัว แต่เพราะนิสัยแกที่ ตั้งใจ จริงใจ กล้าได้กล้าเสีย ปรับเปลี่ยนวิธีขายให้แตกต่าง จากขายปลาตายเป็นมาขายของทะเลเป็นๆ ซึ่งมีอยู่แบบไม่เป็นเรื่องเป็นราว มามุ่งหน้าตั้งใจอย่างเอาจริงเอาจัง มีความรู้เท่าไหร่ เทลงไปกับการเดินไปข้างหน้าอย่างทุ่มสุดตัว แบบไม่รู้อนาคต ในครั้งนี้
เครื่องมือตรวจสอบความเค็มของน้ำ
วัดความเค็มมีหน่วยเป็นดีกรี อยู่ระหว่าง ค่าที่ 25-30 ดีกรี ความมุ่งมั่นทำให้เจ้แหม่มเข้าใจในอาชีพเข้าใจในวิถีทางของ พ่อค้าแม่ขาย เจ้แหม่มเลยตั้งความหมายให้กับตัวเอง กฎเกณพ่อค้า " เพราะอยากเอาเปรียบเขา ก็จะเจอแต่ลูกค้าเอาเปรียบ " " ถ้าอยากให้ของดีๆกับลูกค้า ก็จะเจอแต่ลูกค้าที่ดีๆ " แนวทางนี้เป็นแนวทางที่แตกต่างจากพ่อค้าในตลาดทั่วไป เจ้แหม่มจึงมีแต่ลูกค้ามากขึ้น จนวันๆแทบไม่ได้หลับได้นอน แต่ที่เล่ามาเป็นเพียงเกริ่นถึงความตั้งใจในอาชีพเท่านั้น เป้าหมายเรื่องนี้ จะยังคงมีเรื่องที่นำมาบันทึกไว้เป็น case studyใน Blogของ paper life ในเรื่องต่อไปนี้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น สดๆร้อนๆ เรื่องที่ลูกค้าคนหนึ่ง มาซื้อปูม้าไป 4 ตัว กินแล้วท้องเสีย บอกว่ามีฟอร์มอร์ลีน เราก็แปลกใจ มีจริงหรือ
ชาวประมงพื้นบ้านเนี๊ยะนะ จะมีการใส่ฟอร์มาลีน ลูกค้าเอาเศษปูมาคืน.. บอกว่านี่แหละผลงานที่เหลือ เจ้าหน้าที่ถาม... แล้วเนื้อหละ ลูกค้าตอบกินหมดแล้ว... แต่ฉันท้องเสีย ทำอย่างไรดี งั้นขั้นแรก ขอเอาผลเศษวัตถุดิบไปตรวจกับสารที่สาธารณสุขให้มาก่อน มีผลของสารปนเปื้อน หรือเปล่า เจ้าหน้าที่หายไป 2 ชั่วโมง บอกไม่มี ขั้นต่อไปก็เจรจาตามระเบียบ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ปูแล้วทีนี้ ทำอย่างไร
ต้องเอาใจใส่ 24 ชั่วโมง ถ้าปูตายต้องรีบคัดออก
จึงได้นำเรื่องนี้มาปรึกษาเจ้แหม่ม สาวเก่งจ้าวแห่งปูม้า ทุกบาง ทุกทะเลอย่างเร่งด่วน เจ้แหม่มได้ทราบปัญหาจึงไปพาพวกเรา ไปหาข้อมูลที่มหาลัยมหิดลกันทันที
มีการนัดกันไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ทันได้เข้าห้องอาจารย์ อาจารย์หมอเดินมาพอดี พวกเราจึงเริ่มได้คุยกันเล็กน้อย
อาจารย์หมอบอกว่า ... เป็นไปได้นะ ที่คนทั่วไปจะบอกว่าเป็นฟอร์มาลีน เพราะเขาไม่รู้จักฟอร์มาลีนด้วยซ้ำ พอกลิ่นฉุนหน่อย ก็ฟอร์มาลีนแล้ว อาจารย์จะอธิบายเป็นศัพย์แพทย์แล้วเอาไปบอกกันเองแล้วกันนะ อาจารย์บอกไม่ได้หรอก เพราะอาจารย์คงไม่ไปเดินตลาดอธิบายลูกค้าได้แน่ๆ ลูกค้าเขาไม่รอฟังแหงๆเลย (หัวเราะ)
ผมพอจะเข้าใจโดยสรุปว่า ถ้าปูม้า มีกลิ่นเหมือนฟอร์มาลีน ความจริงเป็นกรด urea กลิ่นเหมือน เยี่ยวอูฐ เหม็นตุๆ นั่นเอง แปลว่า ขบวนการสันดาปโปรตีนเริ่มทำงานแล้ว trimethylamine(TMA) เป็นตัวทำให้เกิดกรดนี้ มันจะเป็นลักษณะเฉพาะของ ปูม้า หรือ อาหารทะเล เกือบทุกชนิด แต่ที่เห็นชัดๆ ก็พวกที่มีกระดองหรือเปลือกปิด เช่นปูม้า ก้ามปู หอย เป็นต้น นี่แหละไม่ไช่ฟอร์มาลีน แต่เป็นกรด urea
ก้ามปูทะเลสด ก็เป็นอีกตัวหนึ่ง ที่ชอบมีกลิ่น
วันนี้คงเป็นเรื่องที่ยากไปซักหน่อย ตั้งแต่เคยเขียนมา แต่ ขอเขียนเอาไว้เป็นความรู้อ้างอิง เวลาใครกิน ปูม้าแล้วมีกลิ่นฉุน รู้ไว้ไม่ไช่ฟอร์มาลีน แต่เป็นการสลายตัวของโปรตีน กลิ่นนั้น เรียก urea
วันนี้ เจ้แหม่มขายของทะเลเป็นๆ อยู่มหาชัยเมืองใหม่ ดีกรี แม่ค้าปริญาตรี คงไม่ขายสินค้า แบบขอไปทีแบบที่ใครใครเห็นทั่วไปเป็นแน่
แต่เรื่องราวต่างของปูม้า เป็นเพียงการเริ่มต้นที่ จะต้องคอยติดตามกันต่อ ทั้งหมด 3 ภาค ตั้งแต่ที่มาว่าปูม้า ชาวประมงจับมาอย่างไร แล้วมาแล้ว แกะแปรรูปอย่างไร กินอย่างไร มีเมนูไหนที่นิยมกินกัน ลองติดตามดูครับ Comming soon